5 จุดสังเกตที่บอกว่าคุณต้องรีบเปลี่ยนยางจักรยานของคุณได้แล้ว
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องเปลี่ยนยางจักรยาน วันนี้เรามี 5 จุดสังเกตง่ายๆให้ทุกคนได้สังเกตรถของคุณด้วยตัวเองว่า ยางจักรยานของเรานั้นถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนแล้วหรือยัง
1. Wear indicator
โดยทั่วไปแล้วยางจักรยานแต่ละยีห้อจะมี wear indicator เป็นของตนเอง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยบอกได้ว่า ยางของคุณถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแล้วหรือยัง หากคุณไม่รู้ว่า wear indicator ของยางยี่ห้อที่คุณใช้นั้นดูตรงไหน คุณสามารถดูจุดสังเกตอื่นๆบนยางของคุณได้ ว่ามีลักษณะตามด้านล่างนี้บ้างหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่ายางของคุณถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแล้ว
- หน้ายางสึกลึกลงไปจนเห็นเนื้อยางด้านใน
- บริเวณหน้ายางมีลักษณะเรียบแบน ป้านตรงไปกับผิวยาง – ปกติแล้ว ยางจักรยานจะมีลักษณะเป็นทรงเรียว การที่หน้ายางป้านนั้นจะเห็นได้ทั่วๆไปกับนักปั่นเทรนเนอร์แบบเอาล้อจักรยานพาด เมื่อปั่นๆบนเทรนเนอร์ประเภทนี้ไปเรื่อยๆ ยางบริเวณที่สัมผัสกับเทรนเนอร์ก็จะสึกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ล้อบริเวณนั้นมีลักษณะป้าน เรียบ ซึ่งยิ่งเราใช้ปั่นไปมากเท่าไหร่ ยางก็จะยิ่งสึกไปเรื่อยๆมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งสึกมากก็ยิ่งส่งผลต่อการทรงตัว ความเกาะถนน และการเข้าโค้ง แต่ถึงอย่างนั้นในปัจจุบันก็มีเทรนเนอร์อีกหลายแบบที่ไม่ต้องใช้ล้อพาดแล้ว และยังให้ประสบการณ์ปั่นที่สนุกกว่าอีกด้วย
- ดอกยางที่อยู่บนหน้าผิวสัมผัสยางนั้นเรียบหายไปหมด – หากคุณพบว่าดอกยางของคุณหายหมดแล้ว ก็แสดงว่ายางของคุณถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนได้แล้ว
2. Flat spot – ยางแบนเป็นบางจุด
ทุกครั้งที่คุณปั่นจักรยาน ยางก็จะค่อยๆสึกตัวลง แต่ตัว Flat spot ที่เรากำลังจะพูดถึงนั้น คือบริเวณที่ยางสึกลึกลงไปมากกว่าจุดอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด โดยมากจะพบได้บ่อยครั้งกับกลุ่มนักปั่น fixed gear ที่ชอบใช้ท่า skid ซึ่งการเล่นท่านี้ทำให้ยางเสียดสีไปกับพื้นถนน ทำให้หน้ายางบริเวณนั้นสึกเร็วกว่าบริเวณอื่นๆ
3. ยางแตกบ่อยติดๆกัน
การที่ยางแตกบ่อยๆนั้นอาจเกิดได้จากที่นักปั่นเลือกใช้ยางไม่ถูกประเภท หรือ เมื่อยางจักรยานของคุณนั้นถูกใช้ไปนาน ตัวเนื้อยางมีขนาดบางลง ยิ่งบางลงมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการป้องกันยางแตกนั้นก็จะถูกลดถอนไปตามๆกัน ทำให้เมื่อเจออะไรนิดหน่อยบนถนน ตัวยางก็สามารถแตกได้ง่ายๆ
ทางที่ดีเราควรสำรวจถนนที่เราใช้ปั่นอยู่บ่อยๆว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เลือกใช้ยางให้ถูกประเภท และเปลี่ยนยางเมื่อสังเกตได้ว่ายางแตกบ่อยผิดปกติ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสินค้ายางจักรยานมีเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยป้องกันปัญหายางแตกกันมากขึ้น
4. Big cuts – รอยบาดบนยางนอก
ให้สังเกตดีว่าๆยางของคุณมีรอยฉีกขาดบ้างหรือไม่ ถ้ามี มีบริเวณไหน ขนาดใหญ่มากน้อยแค่ไหนอย่างไร หากมีขนาดใหญ่ต้องรีบเปลี่ยนยางจักรยานโดนทันทีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หากขนาดยังไม่ใหญ่ก็ต้องรีบเข้ามาดูแลและหมั่นตรวจเช็คทุกครั้งก่อนการปั่น เพราะว่าหากไม่ได้รับการดูแล ปั่นๆไป อาจจะทำให้ยางในโผล่ออกมา ก่อให้เกิดยางแตกขึ้นได้ง่ายๆ
**สำคัญ** ห้ามใช้ยางต่อ ถ้ามีรอยฉีกด้านข้างของยาง
หากบริเวณขอบด้านข้างของยางนั้นมีรอยฉีกขาด ต้องรีบเปลี่ยนยางโดยด่วน เนื่องจากรอยฉีกที่เกิดขึ้นบริเวณขอบยางนั้นทำให้โครงสร้างของยางที่ใช้อยู่นั้นผิดรูปแบบไปจาดเดิม มีโอกาสที่ปั่นๆไปแล้วจะทำให้ยางหลุด แยกออกจากล้อจักรยานก็เป็นได้ กรณีนี้ถือว่าอันตรายและต้องระวังมากๆ
5. อายุของยาง
ยางก็เหมือนสินค้าโดยทั่วๆไป มีอายุการใช้งาน เมื่อใช้ไปนานๆยางก็จะเสื่อมสภาพ ทำให้น้ำมันภายในเนื้อยางนั้นระเหยออก ส่งผลให้ตัวยางเกิดการแข็งตัว ทำให้มีโอกาสเกิดรอยแตกบริเวณหน้ายาง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในขณะปั่นได้ง่ายๆ
เพื่อความปลอดภัยในการปั่น เราควรจะหมั่นดูยางของตนเองเสมอ เพื่อสังเกตว่าจักรยานและอุปกรณ์การปั่นของเรานั้น ยังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่หรือไม่ เพื่อลดและป้องกันอันตรายใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ขณะปั่น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน ขอให้ทุกท่านปั่นจักรยานอย่างสนุกและปลอดภัยค่ะ